วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ประวัติรถถังM1

การพัฒนาแก้ไข

เอ็กซ์เอ็ม1 เอบรามส์ขณะทำการสาธิตในรัฐเคนตักกี้เมื่อปีพ.ศ. 2552

ความพยายามครั้งแรกที่จะแทนที่รถถังเอ็ม60 แพทตันคือเอ็มบีที-70 ที่พัฒนาขึ้นด้วยการร่วมมือกับเยอรมนีตะวันตกในทศวรรษที่ 2503 เอ็มบีที-70 นั้นเป็นสิ่งที่ใหม่และมีแนวคิดหลายอย่างซึ่งได้พิสูจน์ว่าไม่ประสบความสำเร็จ ผลต่อมาคือโครงการที่ถูกยกเลิกไป ต่อมาสหรัฐก็เริ่มเอ็กซ์เอ็ม803 ซึ่งไม่ต่างอะไรจากรถถังเอ็มบีที-70 แต่เป็นรุ่นที่ลดความซับซ้อนและราคาลง[8]

สภาคองเกรสได้ยกเลิกเอ็มบีที-70 ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2513[9]และเอ็กซ์เอ็ม803 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2515[10] และโอนงบประมาณไปที่เอ็กซ์เอ็ม815 ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเอ็กซ์เอ็ม1 เอบรามส์ตามชื่อนายพลเครกตัน เอบรามส์ ต้นแบบถูกส่งมอบในปีพ.ศ. 2519 โดยไครส์เลอร์ ดีเฟนซ์และเจเนรัล มอเตอร์สโดยติดตั้งอาวุธเป็นปืนใหญ่โรยัล ออร์ดแนวซ์ แอล7 ขนาด 105 ม.ม.ที่เทียบเท่ากับของลีโอพาร์ด 2 การออกแบบไครส์เลอร์ ดีเฟนซ์ถูกเลือกให้ได้รับการพัฒนาต่อไปให้เป็นรถถังเอ็ม1 ในปีพ.ศ. 2522 เจเนรัล ไดนามิกส์ก็ได้ซื้อบริษัทไครส์เลอร์ ดีเฟนซ์

มีเอ็ม1 เอบรามส์จำนวน 3,273 คันที่ถูกผลิคออกมาในช่วงพ.ศ. 2522-2528 และเข้าประจำการในกองทัพสหรัฐครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2523 มันมีอาวุธคือปืนใหญ่รถถังโรยัล ออร์ดแนนซ์ แอล7 ขนาด 105 ม.ม.ที่ผลิตตามใบอนุญาต รุ่นที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมเอ็ม1ไอพีที่ออกตัวในปีพ.ศ. 2527 เอ็ม1ไอพีถูกใช้ในการประกวดแข่งขันรถถังของแคนาดาเมื่อปีพ.ศ. 2528 และ 2530

มีเอ็ม1เอ1 เอบรามส์ประมาณ 5,000 คันที่ถูกผลิตออกมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2529-2535 และมีจุดเด่นที่ปืนเอ็ม256 ขนาด 120 ม.ม.ที่ผลิตโดยไรน์เมทัล เอจีของเยอรมนีเพื่อใช้กับลีโอพาร์ด 2 เกราะที่แข็งแกร่ง และระบบป้องกันนิวเคลียร์ เคมี ชีวภาพ (นชค.)

โรงงานผลิตในโอไฮโอปัจจุบันเป็นผู้ผลิตเอบรามส์[11] และก่อนหน้านั้นคือโรงงานในมิชิแกนเมื่อปีพ.ศ. 2525-2539

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น